ก่อนคิดจะเลี้ยงสุนัข คุณพร้อมแล้วหรือยัง…?

  คำถามนี้ สำหรับหลายๆ ท่าน ที่กำลังคิดจะเลี้ยงสุนัข และเกิดคำถามที่ว่านี้ขึ้นในใจ หรือหลังจากเราแสดงความจำนงชัดเจนให้คนที่บ้านรู้ไปแล้วว่าอยากเลี้ยงสุนัข อยากจะมีเค้าไว้ในบ้าน ก็มักจะถูกถามทันทีจากคนในบ้าน อาจจะเป็น

ก่อนคิดจะเลี้ยงสุนัข คุณพร้อมแล้วหรือยัง…?

 

 คำถามนี้ สำหรับหลายๆ ท่าน ที่กำลังคิดจะเลี้ยงสุนัข และเกิดคำถามที่ว่านี้ขึ้นในใจ  หรือหลังจากเราแสดงความจำนงชัดเจนให้คนที่บ้านรู้ไปแล้วว่าอยากเลี้ยงสุนัข  อยากจะมีเค้าไว้ในบ้าน  ก็มักจะถูกถามทันทีจากคนในบ้าน  อาจจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่  แฟนของเรานี่เองว่า วันนี้พร้อมแล้วหรอ คิดดีแล้วหรอ ที่จะเลี้ยงสุนัข

        ทีนี้เราจะจะรู้ได้อย่างไรว่า เราพร้อมแล้วรึยัง วันนี้หมอจะหยิบยกหัวข้อสำคัญๆ ที่ควรนึกถึงเหล่านี้ ขึ้นมาให้อ่าน  คิดตาม ทำความเข้าใจ ก่อนจะตอบคำถามตัวเองให้ได้นะครับว่า… คุณพร้อมแล้วหรือยัง?

 

"รับป๋มไปเลี้ยงทีงับ"
“รับป๋มไปเลี้ยงทีงับ”

สิ่งที่ต้องคำนึงถึง มีดังนี้

  1. ช่วงเวลาที่เค้าจะอยู่กับเรา  เนื่องจากสุนัขมีอายุยืนไม่เท่ากันในแต่ละสายพันธุ์ ส่วนใหญ่แล้วพบว่า สายพันธุ์เล็กๆ เช่น Pomeranian, Shih Tzu,  Poodle เป็นต้น มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-16 ปี ซึ่งมักจะมีอายุที่ยืนยาวกว่า   สุนัขพันธุ์กลางๆ เช่น Golden Retriever  ซึ่งจะมีอายุเฉลี่ย ประมาณ  10-13 ปี   ขณะที่สุนัขพันธุ์ใหญ่ยักษ์อย่างเช่น สุนัขพันธุ์ Mastiff หรือ Great Dane  จะมีอายุเฉลี่ย เพียงแค่ 7-8 ปีเท่านั้น ดังนั้น หากเราคิดที่จะเลี้ยงเค้าแล้ว อย่าลืมคำนึงถึงจุดนี้ด้วยนะครับ จะดูแลเค้าไปตลอดช่วงอายุที่เค้ามีได้รึเปล่า?
  2. บริเวณบ้าน หรือ พื้นที่สำหรับออกกำลังกายสำหรับพวกเค้านั่นเอง หัวข้อนี้ ขึ้นกับสายพันธุ์ที่เลือกเลี้ยงด้วยครับ หากเป็นสายพันธุ์เล็กๆ ก็จะใช้เนื้อที่น้อย สามารถเลี้ยงในบริเวณบ้านเพียงเล็กน้อย หรือสามารถเลี้ยงบนคอนโดก็ยังได้  แต่หากเลือกเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ๆ แล้ว ต้องรู้ด้วยว่า พวกเค้าเหล่านี้ ต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของพวกเค้า ดังนั้น บริเวณบ้านกว้างๆ จึงมีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่จะเลี้ยงสุนัขใหญ่ๆ  นั่นเองครับ
  3. ค่าใช้จ่าย ที่จะเกิดขึ้นจากการเลี้ยงสุนัข หลายท่าน อาจไม่ได้สนใจหัวข้อนี้เลย เนื่องจากไม่ได้มองว่าเค้าเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยง แต่มองว่าเค้าเป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญในครอบครัว ดังนั้นเท่าไหร่ชั้นก็จ่ายได้  ซึ่งก็จริง แต่ไม่ทั้งหมดนะครับ หลายครั้งพบว่าคนมีฐานะ ก็ยังสุนัขมาทิ้งเลย การมีฐานะที่ดี แต่ไม่ได้รักสุนัขแล้ว ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายสำหรับสุนัข ถือเป็นเรื่องใหญ่ได้เลยครับ  

        ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายนี้ มักเกิดขึ้นในระยะยาวครับ เนื่องจากปัจจุบันการเลี้ยงสุนัขเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย จึงเป็นที่มาของอาหาร ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับสุนัขต่างก็มีมาให้เลือกซื้อไม่น้อย การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ดีๆ คงจะเสียดายแย่ หากเลือกให้อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไม่ดีให้เค้า ทั้งนี้ ในหัวข้อนี้ จะขอหยิบยกเฉพาะค่าอาหาร มาคำนวณเล่นๆ ให้เห็นภาพกันซักหน่อย ดังนี้ครับ

 

"เลี้ยงผมทั้งที ขออาหารดีๆ ด้วยนะครับ" ^^
“เลี้ยงผมทั้งที ขออาหารดีๆ ด้วยนะครับ” ^^
  1. สำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก เฉลี่ยแล้วประมาณ 50-80 บาทต่อวัน หรือคิดเล่นๆ ปีๆ นึงจะต้องเสียค่าใช้จ่าย อยู่ที่ 18250-29200 บาท  และถ้าคิดตลอดช่วงเวลาที่เลี้ยงเค้า (ตามอายุเฉลี่ย) อาจมีค่าใช้จ่ายในส่วนอาหารนี้มากถึง 292,000-467,200 บาท
  2. สำหรับสุนัขพันธุ์กลางๆ เฉลี่ยแล้วประมาณ 100-200 บาทต่อวันโอ้ว ปีๆ นึง ค่าใช้จ่ายอยู่ราวๆ 36,500-73,000 บาท และถ้าคิดตลอดอายุของเค้าแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายได้มากถึง 474,500-949,000 บาท
  3. สำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงครับ น่าจะแพง มาดูกันเลย เฉลี่ยแล้วประมาณ 200-400 บาทต่อวัน และต่อปีค่าใช้จ่ายอยู่ราวๆ 73,000-146,000 บาท และถ้าคิดตลอดอายุของเค้าแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายได้มากถึง 584,000-1,168,000 บาท

        เห็นเฉพาะค่าอาหารแล้ว ถึงกับตกใจกันเลยรึเปล่าครับ?….นี่ยังไม่รวม น่าใช้จ่ายอื่นๆ นะครับ เช่น ค่าของเล่น  ของใช้ อื่นๆ  ค่าดูแลรักษายามเจ็บป่วย  เป็นต้น อย่าเพิ่งถอดใจซะนะครับ ที่หมอนำมาเล่าให้ฟัง เป็นการยกตัวอย่าง โดยคำนวณจากค่าอาหารเปียกคุณภาพดี สำหรับกรณีที่เราจะเลี้ยงเค้าให้ดีๆ นั่นเอง  อย่าลืมไปว่า สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด หากคิดจะเลี้ยงเค้าแล้ว ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด  หัวข้อนี้ จึงมีความสำคัญ ที่ควรนึกถึง อย่าลืมตรวจสอบเงินในกระเป๋าก่อนนะครับ ว่าเราพร้อมจะรับค่าใช้จ่ายในการดูแลเค้าไปได้ตลอดรอดฝั่งได้มั๊ย อย่าแค่เลี้ยงตามเทรน ตามสมัยนิยมนะครับ

 

นอกจากค่าอาหารแล้ว ยังมีค่าดูแลสุขภาพ และรักษายามเจ็บป่วยด้วยนะครับ
นอกจากค่าอาหารแล้ว ยังมีค่าดูแลสุขภาพ และรักษายามเจ็บป่วยด้วยนะครับ
  1. มูล และของเสีย หรือเรียกแบบเข้าใจง่ายหน่อย ก็คือ อึ ฉี่ ของเค้า เรารับได้มั๊ย หลายท่าน โดยเฉพาะน้องๆ เด็กๆ ที่อยากจะเลี้ยงเค้าแล้ว จะต้องคำนึงถึงจุดนี้ให้มากๆ ครับ บ่อยครั้งที่พบว่า คุณหนูๆ ทั้งหลายเป็นผู้ขอเลี้ยง แต่คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้อาบน้ำ ให้เก็บอึ เก็บฉี่ให้  การเลือกเลี้ยงสุนัข ไม่ใช้แค่การหาที่อยู่ให้เค้า  ให้อาหารเค้า และเล่นกับเค้าเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึง เวลาเข้าขับถ่าย อึ ฉี่ เราสามารถเก็บได้มั๊ย ทำความสะอาดได้มั๊ย   และก็ไม่ทุกครั้งหรอกครับ ที่อึเค้าจะปกติ ในบางช่วงเวลาที่เค้าป่วย ก็อาจพบว่าถ่ายเหลว หรือท้องเสียจากการป่วยได้ รังเกียจมั๊ย ที่จะเก็บ เช็ดล้าง ทำความสะอาดตัวเค้า และบริเวณที่เค้าอยู่ ถ้าผ่านข้อนี้ได้ ก็คือว่าใกล้เคียงที่จะได้รับอนุญาตให้เลี้ยงสุนัขได้แล้วครับ

 

กล้าเก็บอึสุนัขของเรา แบบนี้รึเปล่า?
กล้าเก็บอึสุนัขของเรา แบบนี้รึเปล่า?
  1. การดูแล และรักษาพยาบาล เนื่องจากเค้าเป็นสิ่งมีชีวิต นอกจากการให้ที่พัก ให้อาหาร และเก็บอึ เก็บฉี่ ให้เค้าแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องดูแลเค้าอย่างเหมาะสม ด้วย เช่น การพาเค้าไปออกกำลังกาย  เล่นกับเค้า  อาบน้ำให้เค้า  ให้เวลากับเค้า  และยังรวมถึงพาเค้าไปหาคุณหมอทั้งตอนปกติ เช่น การดูแลเค้าด้วยการพาไปทำวัคซีน ถ่ายพยาธิ  ตรวจสุขภาพเป็นประจำตามที่คุณหมอนัด  และหากเค้าป่วยไม่สบาย ก็จะต้องพาเค้าไปตรวจรักษา   ซึ่งหลายครั้งที่โรคร้าย อาจทำให้เค้าไม่น่ารักเหมือนเคย เช่น เค้าท้องเสียถ่ายเรี่ยราด  ชักน้ำลายฟูม  เวลาเจ็บป่วยอาจจะดุ   เดินกระเผลก เดินเซ   ปัญหาที่ผิวหนังขนร่วง เป็นตุ่ม เป็นเม็ด หรืออาจมีหนอง หรือน้ำเหลืองเลอะ  ปัญหาเห็บหมัดไต่ยั้วเยี่ย  อาจทำให้เค้าดูไม่น่ารัก  ไม่น่ากอดเหมือนเดิม    เราจะยังรักเค้ามั๊ย ถ้ายังรัก คุณก็เยี่ยมมากแล้วครับ  

 

"ยามนู๋ป่วย ดูแลนู๋เหมือนที่นู๋รักคุณด้วยนะคะ"  ;)
“ยามนู๋ป่วย ดูแลนู๋เหมือนที่นู๋รักคุณด้วยนะคะ”  😉

        จากหัวข้อเหล่านี้ หากคุณสอบผ่านทุกข้อข้างต้นแล้ว  คุณก็พร้อมที่จะมีเค้าไว้ในบ้านได้แล้วครับ ^^  แค่นี้ คุณก็สามารถทำให้เค้าเป็นน้องหมาที่น่าอิจฉาที่สุด ไม่ใช่น้องหมาที่น่าสงสารที่สุดได้แล้ว รักเค้าทุกๆ วัน ให้เหมือนวันแรกที่อยากเลี้ยงเค้านะครับ

แนะนำสำหรับคุณ

ค้นหา

สาขารามอินทรา (24 ชั่วโมง)

สาขากรุงเทพกรีฑา (08.00 - 22.00 น.)